วันที่ 1 มีนาคม 2012 เวลา 14.00 น. ณอาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก จ.สมุทรสงคราม พระสังฆราชโยเซฟ ประธาน ศรีดารุณศีล เป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณปลงศพซิสเตอร์อาคาทา พิกุล สงวนพงษ์ ร่วมกับ พระสังฆราช ยอห์น บอสโก ปัญญา กฤษเจริญ?และบรรดาพระสงฆ์ 50 กว่าองค์ โดยมีนักบวชชายหญิง ญาติพี่น้องของซิสเตอร์พิกุลและสัตบุรุษมาร่วมเป็นกำลังใจ หลังพิธี ได้นำร่างของซิสเตอร์ไปบรรจุไว้ในสุสานของอาสนวิหาร
{gallery}photo/2012/20120301pikul6{/gallery}
ชีวิตของซิสเตอร์เป็นดังบทเพลงแห่งความรัก ความชื่นชมยินดี ความรู้คุณในพระเจ้า ใจของข้าพเจ้าชื่นชมยินดี ข้าพเจ้าจะร้องเพลงขอบพระคุณพระองค์ (สดด.28.7) นี่คือ คำภาวนาจากใจโอกาสฉลองครบ 50 ปีของการปฏิญาณตนเป็นนักบวช เป็นความชื่นชมยินดีในความรัก ความเมตตาของพระเจ้าที่ประคับประคองชีวิตตลอดมา ทุกคนและทุกสิ่งเป็นพระพรของพระเจ้าที่ซิสเตอร์น้อมรับด้วยความรู้คุณ และพร้อมที่จะมอบตนเอง เพื่อเป็นพระพรสำหรับผู้อื่นด้วย ซิสเตอร์เป็นคนร่าเริง สนุกสนาน ปากหวาน พูดเก่ง ยิ้มแย้มแจ่มใส มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน และมีความใกล้ชิดกับพระเจ้าด้วยหัวใจที่ซื่อ ๆ พูดคุยกับพระองค์อย่างเป็นกันเอง ศรัทธาต่อพระมารดามารีย์ มีสายประคำติดมืออยู่เสมอ ซิสเตอร์พิกุล สงวนพงษ์ เป็นสัตบุรุษ วัดพระหฤทัย วัดเพลง จ.ราชบุรี เกิดวันที่ 21 พฤศจิกายน 1928 เป็นบุตรสาวคนเดียวในจำนวนพี่น้อง 6 คนของนายปอง และนางเสงี่ยม สงวนพงษ์
ความเป็นมาของกระแสเรียก
กระแสเรียกของซิสเตอร์เริ่มจากการที่ ซิสเตอร์อันนา สนิท สมนัส ลูกผู้พี่พาไปฝึกและทำงานด้วยที่วัด นักบุญมีคาเอล ดอนกระเบื้อง 2-3 ปี แล้วก็ย้ายตามซิสเตอร์สนิทไปอยู่ที่บางนกแขวก ได้รู้จักคุณแม่ลุยยีนา ดีโยร์โย ซึ่งชวนเข้าอาราม ซิสเตอร์เข้าฝึกหัดในคณะผู้รับใช้ฯ ที่บางนกแขวก เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ.1948 ปฏิญาณตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม1953 ภารกิจที่ซิสเตอร์ได้รับมอบหมายให้กระทำหลังการปฏิญาณ คือการทำงานรับใช้พระเจ้าในงานวัด ที่วัดน.มีคาเอล ดอนกระเบื้อง เป็นเวลา 2 ปี อาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก 2 ครั้ง รวม 3 ปี ร.ร.ดรุณาราชบุรี 3 ปี ร.ร.นารีวิทยา ราชบุรี 2 ครั้ง รวม 2 ปี รุ่นบุกเบิกที่ไปเริ่มเปิดบ้านใหม่ที่ ร.ร.ธิดาแม่พระ สุราษฎร์ธานี และร.ร.เทพมิตรศึกษา เป็นเวลา 2 ปี ร.ร.ดอนบอสโก กรุงเทพฯ 2 ปี ร.ร.แสงทองวิทยา หาดใหญ่ 2 ครั้ง รวม 10 ปี ร.ร.เซนต์ดอมินิก กรุงเทพฯ 6 ปี บ้านเณรซาเลเซียน หัวหิน 1 ปี ร.ร.วันทามารีอา หลักห้า 1 ปี ร.ร.ดอนบอสโก หัวโป่ง จ.ราชบุรี 23 ปี หลังจากนั้น ซิสเตอร์เริ่มป่วยหนักจึงกลับมาพักรักษาตัวที่อารามในช่วง 4 ปี สุดท้าย รวมรับใช้พระเจ้าในชีวิตนักบวช 59ปี
ภาพที่เราเห็นกันคุ้นตา หรือคนที่เคยอยู่ใกล้ชิดกับซิสเตอร์พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ซิสเตอร์เป็นผู้รับใช้ที่ร่าเริง สนุกสนาน มีอัธยาสัยดีสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน พูดเก่ง ยิ้มแย้มแจ่มใส ใจดี ใจกว้าง คิดถึงผู้ยากจน คนลำบาก อดทน เข็มแข็ง มีความเกรงใจผู้อื่น มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้า ด้วยหัวใจที่ซื่อๆ ใช้ภาษาของหัวใจ เหมือนเด็กเล็กๆ ที่พูดคุยกับพระองค์อย่างเป็นกันเอง สิ่งที่โดดเด่นในชีวิตของซิสเตอร์ก็คือ ความศรัทธาต่อพระมารดามารีย์ เป็นพิเศษ เรื่องการสวดสายประคำ ซิสเตอร์จะมีสายประคำติดมือและสวดตลอดเวลา เป็นคำภาวนาที่ซิสเตอร์มอบให้กับทุกคน เป็นต้นสำหรับผู้ใหญ่ของคณะ
ซิสเตอร์เขียนไว้ในโอกาสฉลอง 50 ปี แห่งการปฏิญาณตนเป็นนักบวชว่า ดีใจและขอบพระคุณพระเจ้า สำหรับชีวิตที่ผ่านมาถึงตรงนี้ วันนี้ แม้ขณะนี้ สุขภาพจะไม่ค่อยดีนัก ก็ตั้งใจที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อตอบแทนความรักของพระเจ้าและทุกคนที่มีส่วนช่วยเหลือในชีวิตตลอดมาด้วยดวงใจที่รู้คุณ ซิสเตอร์ขอบคุณอธิการเจ้าคณะทุกท่าน และสมาชิกทุกคนด้วยจริงใจ ที่ได้ช่วยให้ซิสเตอร์ได้เป็นอย่างที่เป็นอยู่
ชีวิตช่วงสุดท้ายของซิสเตอร์
หลังจากที่ได้ทำงานรับใช้พระเจ้า และพระศาสนจักรท้องถิ่นตามที่ต่างๆมาหลายแห่ง ที่สุดท้ายซึ่งซิสเตอร์ได้ทำงานรับใช้พระองค์เป็นเวลายาวนานก็คือ โรงเรียนอาชีวะดอนบอสโก หัวโป่ง ราชบุรี ช่วงนั้น ซิสเตอร์มีโรคประจำตัว คือ โรคเบาหวาน จึงต้องดูแลเอาใจใส่สุขภาพของตนเองตลอดมา ประมาณปี 1998 ซิสเตอร์เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลคามิลโล เพราะอาการช้อคด้วยโรคเบาหวาน และที่สุด ปี 2008 อาการของโรคกำเริบมากขึ้นกว่าเดิม มีอาการช้อคต้องส่งเข้าโรงพยาบาลอีก หลังจากนั้น ผู้ใหญ่ของคณะมีความเป็นห่วงและอยากให้ซิสเตอร์มีเวลาพักผ่อนและมีผู้ดูแลติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิดมากขึ้น จึงขอให้ซิสเตอร์กลับมาพัก รักษาตัวที่อาราม โรงเรียนนารีวิทยา จ.ราชบุรี และช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ เป็นเวลา 4 ปี ตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ ซิสเตอร์ต้องควบคุมเบาหวานเป็นพิเศษ ไปพบแพทย์อย่างต่อเนื่อง ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลก็หลายครั้ง ช่วงปี 2011 อาการเบาหวานของซิสเตอร์เริ่มกำเริบหนักขึ้น ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2011 ซิสเตอร์ต้องเข้ารับการรักษาในห้อง ไอ ซี ยู โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี เป็นเวลา 15 วัน หลังจากนั้น ซิสเตอร์ก็กลับมาอยู่ที่อารามต่อไป แต่ไม่แข็งเรงเหมือน ต้องนั่งรถเข็น และต้องมีผู้ช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด ปลายปี 2011 ซิสเตอร์เริ่มมีอาการช๊อกเพราะเบาหวานอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ ซิสเตอร์ต้องนอนกับเตียงตลอดเวลา ไปพบแพทย์เป็นระยะ ๆ และสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่คืนวิญญาณแด่พระเจ้า ซิสเตอร์มีอาการโลหิตจาง แพทย์แนะนำว่าต้องให้เลือดเพิ่ม และการให้เลือดที่เป็นถุง เป็นการเสี่ยงมาก อาจเกิดการติดเชื้อได้ง่ายกว่าเพราะร่างกายของซิสเตอร์อ่อนแอมากแพทย์จึงแนะนำให้ใช้การฉีดยาบำรุงเลือดแทนการให้เลือดสัปดาห์ละครั้ง ซิสเตอร์จึงมีอาการปวดไปทั้งตัว และปวดมากจนบางครั้งแทบทนไม่ไหว แต่ซิสเตอร์ก็พยายามสู้ทน และได้ผ่านเวลาแห่งการทรมานเป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์พร้อมกับพระเยซูเจ้าในโอกาสเริ่มต้นเทศกาลมหาพรต และได้คืนวิญญาณอย่างสงบแด่พระเจ้าในเช้าวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 05.45 น. ที่อาราม โรงเรียนนารีวิทยา ราชบุรี
เป็นบุญของผู้ที่เจริญชีวิตด้วยความรัก แสวงหาและซื่อสัตย์ในการติดตามพระองค์จนถึงที่สุด ซิสเตอร์ได้บันทึกไว้ว่า เมืองสวรรค์เปรียบได้กับขุมทรัพย์ เปรียบกับพ่อค้าที่แสวงหาไข่มุกเม็ดงาม เมืองสวรรค์เปรียบได้กับอวนที่หย่อนลงในทะเล เพื่อจะรักพระเจ้า เราต้องออกแรงแสวงหา ไม่พอที่จะพูดว่า รักพระองค์เท่านั้น หรือเรียนจากหนังสือ เมื่อสมัยเป็นเด็ก เราต้องแสวงหาพระองค์ให้มากๆ เมื่อเราพบความยากลำบาก พระเจ้าทรงรักเรา
ซิสเตอร์ได้บันทึกบทภาวนาในยามว่างไว้ดังนี้ โอ้พระเยซูและพระแม่ อาคาทาขอฝากทุกสิ่งทุกอย่างแด่พระเยซุ อาคาทาเป็นคนบาป สุดที่รัก ของพระเยซูและแม่พระ โปรดเมตตาและยกโทษให้อาคาทา โอ้พระเยซูและพระแม่ยอดรักของลูก ขอให้อาคาทารักพระเยซูและพระแม่มาก มากที่สุดในชีวิตของอาคาทา พระแม่เป็นที่รัก ขอพระแม่ช่วยให้อาคาทาสิ้นใจ ในศีลและพระพรของพระองค์ตลอดไป
ขอให้ดวงวิญญาณของซิสเตอร์อาคาทา พิกุล สงวนพงษ์ ซึ่งรักและแสวงหาพระองค์และพระแม่มารีย์ตลอดชีวิต ได้พักผ่อนอย่างเป็นสุขกับพระองค์และพระเจ้าตลอดไปเทอญ